ฟุตบอล คาร์ลิ่ง คัพ รอบ 8 ทีมสุดท้าย
วันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน 2554
เชลซี (พรีเมียร์ลีก) 0 - 2 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีก)
วันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน 2554
เชลซี (พรีเมียร์ลีก) 0 - 2 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีก)
"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล โชว์ฟอร์มเก่งต่อเนื่อง หลังยกพลเก็บชัยเหนือ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี ถึงถิ่น 2-0 นับเป็นการย้ำชัยชนะอีกหน หลังจากเคยทำได้ในเกมในลีกเมื่อสองสัปดาห์ก่อน ส่งผลให้ หงส์แดง สามารถผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้เป็นผลสำเร็จ ในศึกฟุตบอล คาร์ลิ่ง คัพ เมื่อคืนวันอังคารที่ 29 พ.ย. ที่ผ่านมา
สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์
เริ่มเกมขึ้นมาแค่ 2 นาทีก็มีเหตุการ์ณที่ทำให้แฟนบอลหงส์แดงต้องเสียวเมื่อ ดาวิด ลุยซ์ พาบอลเข้าไปให้เขตโทษก่อนโดน โกอาเตส สกัดล้มลงไป ทว่า ฟิล ดาวน์ มองว่ากองหลังโปรตุเกส พุ่งล้มเลยแจกใบเหลืองให้ดาวเตะหัวฟูทันที
เกมผ่าน 20 นาทีเชลซี ต้องมาเสียจุดโทษเมื่อ โฆเซ่ เอ็นริเก้ โยนบอลเข้าไปหน้าประตู อเล็กซ์ ขึ้นเทกตัวโหม่งแย่งกับ แคร์โรลล์ แต่ใช้มือปัดออกหลัง ฟิล ดาวด์ ยังไม่เป่าทันทีแต่หลังจากฟังผู้ช่วยแล้วก็ชี้ให้เป็นจุดโทษและแจกใบเหลือง ให้ อเล็กซ์ อีกด้วย
ทว่าลิเวอร์พูล กลับไม่ได้ประตูหลังจาก แอนดี้ แคร์โรลล์ ซัดจุดโทษไปติดเซฟของ รอสส์ เทิร์นบูลล์ ที่ปัดทิ้งออกมาได้ เกมยังเสมอกันอยู่
หลังจากนั้นเกมก็แทบจะไม่มีจังหวะลุ้นประตู จนถึงช่วงทดเจ็บ เชลซี ได้จังหวะสวนกลับเร็ว รามิเรส จ่ายบอลให้ โบซิงวา ทางฝั่งขวาแล้วเปิดมาหน้าประตูให้ ลูกากู โขกแต่บอลเฉี่ยวเสาสองออกไป และเกมก็จบครึ่งแรกทั้งสองทีมยังเสมอกันอยู่ 0-0
กลับมาเล่นกันต่อในครึ่งหลังถึงนาทีที่ 54 โคอาเตสก็โดนจดชื่อเมื่อทำฟาวล์ใส่ตอร์เรส และจากลูกฟรีคิกทางกราบขวาของเจ้าบ้านที่แฟรงค์ แลมพาร์ดสาดไปเสาไกล มาลูด้าก็โขกย้อยไปชนคานทำให้ลุยซ์เข้าขวิดซ้ำระยะเผาขนที่เสาแรก แต่บอลกระทบลำตัวโคเอเตสที่คุมเส้นประตูอยู่ออกไป
และแล้วนาทีที่ 58 กองเชียร์สิงห์บลูส์ก็ต้องคกตกอีกตามเคยเมื่อเฮนเดอร์สันแทงบอลจากกลางสนาม ออกทางขวาทะลุช่องให้เบลลามี่ที่ไม่ล้ำหน้าลากไปไหลเข้าหาปากประตูถวายพาน ให้มักซี่เข้าฮอสสบายแฮหกหลาโดยไม่มีใครตามประกบทันเป็นสกอร์นำ 1-0 ของทีมเยือน
เท่านั้นไม่พอ นาทีที่ 63 หงส์แดงก็มาได้ลูกฟรีคิกทางฝั่งซ้ายหลังจากรามิเรซทำฟาวล์เบลลามี่ และเป็นกองหน้าเวลส์ที่โยนโด่งเข้าเสาไกลโดยมีมาร์ติน เคลลี่ขวิดเหน่งๆหกหลาไม่มีใครประกบตุงตาข่ายพาลิเวอร์พูลหนีห่าง 2-0
เชลซีตัดสินใจเปลี่ยนตัวอีกสองรายสุดท้ายทันทีให้ฆวน มาต้ากับนิโกล่าส์ อเนลก้าลงไปแทนมาลูด้ากับลูกากูหอกจอมทื่อ แต่ขยับมาในนาทีที่ 66 รามิเรซก็โดนจดชื่อข้อหาเสียบลูคัส
จากนั้นอีกพักเดียว เกมก็หยุดอีกรอบเมื่อลูคัสเจ็บเข่าซ้ายจากจังหวะชนเข้ากับมาต้าโดยไม่ได้ ตั้งใจทั้งคู่ แต่หลังกลับมาเล่นต่อพักเดียวกองกลางบราซิลก็ไม่ไหวให้สัญญาณไปที่ข้างสนาม ขอเปลี่ยนตัวก่อนจะร่วงลงไปต้องหามลงเปลโดยมีชาร์ลี อดัมได้ลงเล่นแทนในนาทีที่ 72
ล่วงมาอีกสี่นาทีจากลูกเตะมุมด้านซ้ายของเจ้าบ้าน ตอร์เรสก็ได้โขกแต่เรน่าตะปบบอลเอาไว้ได้
ช่วงที่เหลือ เชลซีพยายามเปิดเกมบุกมากขึ้น แต่ไม่อาจทำอะไรแนวรับหงส์แดงได้ จบเกมจึงถูกย้ำแค้นตกรอบคารังด้วยความพ่ายแพ้แบบหมดรูป 0-2 ส่งผลให้ ลิเวอร์พูล สามารถผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้เป็นผลสำเร็จ
สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์
เริ่มเกมขึ้นมาแค่ 2 นาทีก็มีเหตุการ์ณที่ทำให้แฟนบอลหงส์แดงต้องเสียวเมื่อ ดาวิด ลุยซ์ พาบอลเข้าไปให้เขตโทษก่อนโดน โกอาเตส สกัดล้มลงไป ทว่า ฟิล ดาวน์ มองว่ากองหลังโปรตุเกส พุ่งล้มเลยแจกใบเหลืองให้ดาวเตะหัวฟูทันที
เกมผ่าน 20 นาทีเชลซี ต้องมาเสียจุดโทษเมื่อ โฆเซ่ เอ็นริเก้ โยนบอลเข้าไปหน้าประตู อเล็กซ์ ขึ้นเทกตัวโหม่งแย่งกับ แคร์โรลล์ แต่ใช้มือปัดออกหลัง ฟิล ดาวด์ ยังไม่เป่าทันทีแต่หลังจากฟังผู้ช่วยแล้วก็ชี้ให้เป็นจุดโทษและแจกใบเหลือง ให้ อเล็กซ์ อีกด้วย
ทว่าลิเวอร์พูล กลับไม่ได้ประตูหลังจาก แอนดี้ แคร์โรลล์ ซัดจุดโทษไปติดเซฟของ รอสส์ เทิร์นบูลล์ ที่ปัดทิ้งออกมาได้ เกมยังเสมอกันอยู่
หลังจากนั้นเกมก็แทบจะไม่มีจังหวะลุ้นประตู จนถึงช่วงทดเจ็บ เชลซี ได้จังหวะสวนกลับเร็ว รามิเรส จ่ายบอลให้ โบซิงวา ทางฝั่งขวาแล้วเปิดมาหน้าประตูให้ ลูกากู โขกแต่บอลเฉี่ยวเสาสองออกไป และเกมก็จบครึ่งแรกทั้งสองทีมยังเสมอกันอยู่ 0-0
กลับมาเล่นกันต่อในครึ่งหลังถึงนาทีที่ 54 โคอาเตสก็โดนจดชื่อเมื่อทำฟาวล์ใส่ตอร์เรส และจากลูกฟรีคิกทางกราบขวาของเจ้าบ้านที่แฟรงค์ แลมพาร์ดสาดไปเสาไกล มาลูด้าก็โขกย้อยไปชนคานทำให้ลุยซ์เข้าขวิดซ้ำระยะเผาขนที่เสาแรก แต่บอลกระทบลำตัวโคเอเตสที่คุมเส้นประตูอยู่ออกไป
และแล้วนาทีที่ 58 กองเชียร์สิงห์บลูส์ก็ต้องคกตกอีกตามเคยเมื่อเฮนเดอร์สันแทงบอลจากกลางสนาม ออกทางขวาทะลุช่องให้เบลลามี่ที่ไม่ล้ำหน้าลากไปไหลเข้าหาปากประตูถวายพาน ให้มักซี่เข้าฮอสสบายแฮหกหลาโดยไม่มีใครตามประกบทันเป็นสกอร์นำ 1-0 ของทีมเยือน
เท่านั้นไม่พอ นาทีที่ 63 หงส์แดงก็มาได้ลูกฟรีคิกทางฝั่งซ้ายหลังจากรามิเรซทำฟาวล์เบลลามี่ และเป็นกองหน้าเวลส์ที่โยนโด่งเข้าเสาไกลโดยมีมาร์ติน เคลลี่ขวิดเหน่งๆหกหลาไม่มีใครประกบตุงตาข่ายพาลิเวอร์พูลหนีห่าง 2-0
เชลซีตัดสินใจเปลี่ยนตัวอีกสองรายสุดท้ายทันทีให้ฆวน มาต้ากับนิโกล่าส์ อเนลก้าลงไปแทนมาลูด้ากับลูกากูหอกจอมทื่อ แต่ขยับมาในนาทีที่ 66 รามิเรซก็โดนจดชื่อข้อหาเสียบลูคัส
จากนั้นอีกพักเดียว เกมก็หยุดอีกรอบเมื่อลูคัสเจ็บเข่าซ้ายจากจังหวะชนเข้ากับมาต้าโดยไม่ได้ ตั้งใจทั้งคู่ แต่หลังกลับมาเล่นต่อพักเดียวกองกลางบราซิลก็ไม่ไหวให้สัญญาณไปที่ข้างสนาม ขอเปลี่ยนตัวก่อนจะร่วงลงไปต้องหามลงเปลโดยมีชาร์ลี อดัมได้ลงเล่นแทนในนาทีที่ 72
ล่วงมาอีกสี่นาทีจากลูกเตะมุมด้านซ้ายของเจ้าบ้าน ตอร์เรสก็ได้โขกแต่เรน่าตะปบบอลเอาไว้ได้
ช่วงที่เหลือ เชลซีพยายามเปิดเกมบุกมากขึ้น แต่ไม่อาจทำอะไรแนวรับหงส์แดงได้ จบเกมจึงถูกย้ำแค้นตกรอบคารังด้วยความพ่ายแพ้แบบหมดรูป 0-2 ส่งผลให้ ลิเวอร์พูล สามารถผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้เป็นผลสำเร็จ